Tuesday, March 18, 2014

สามคนอลเวง ตอนครั้งแรกที่ฮ่องกง (วันที่ 2)

วันที่สองของการเดินทาง (ศุกร์ 10 ม.ค.)
(Repulse Bay Beach - Stanley Market - Causeway Bay - Peak Tram - MTR Central)

วันนี้ต้องเดินทางไปหลายที่แล้วก็ไกลหน่อยเลยต้องตื่นแต่เช้า
โจทย์ของเช้านี้คือ อยากกินร้านที่เป็นแบบชาชานเต็ง ร้านน้ำชาเก่าแก่แบบที่คนฮ่องกงกินกัน
เลยเลือกไปร้าน Tsui Wah Restaurant เพราะมีสาขาอยู่ใกล้ที่พักพอดี เดินออกจากตึก Mirador มาปุ๊บ มองเห็นเลยอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง


ที่นี่มีเมนูอาหารเช้าเป็นเซ็ต  มีSet A, B และ C เลือกสั่งเซ็ตB เห็นคนสั่งเยอะ เหมือนเป็นเซ็ตยอดนิยม

  
หน้าตาเซ็ต B
เริ่มจากชา เป็นชานม หอมแต่ขมและเข้มข้นมากๆๆ ต้องเติมน้ำตาลเยอะๆเลยถึงจะกินได้ อาจจะชินกับชานมไข่มุกบ้านเราที่จางๆ เจอชาเข้มข้นเข้าไปเลยรู้สึกว่ามันหนักไปหน่อย
ถัดมาเป็นบะหมี่หน้าเนื้อ เส้นใหญ่ๆคล้ายๆมาม่าเกาหลี เนื้อนุ่ม รสชาติใช้ได้ คล้ายๆกินมาม่าอยู่ 555 ส่วนขนมปังกับออมเล็ตก็ทั่วไปนะ  สรุปไม่ได้ประทับใจชุดนี้มากในเรื่องของรสชาติ แต่ถือว่าราคาถูกมากๆๆถ้าเทียบกับปริมาณ และการได้กินในร้านอาหารแบบนี้ แค่ $31เอง

นอกจากขายอาหารเช้าเป็นเซ็ตๆ ในร้านยังมีพวกอาหารจานเดียวด้วย มีเมนูให้เลือกเยอะพอสมควรเลย


น้องเลือกสั่งก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา4อย่าง เส้นก๋วยเตี๋ยวใหญ่ๆหน่อยแบบเส้นก๋วยจั๊บญวณ มีลูกชิ้นปลา4แบบลูกโตๆทั้งนั้น แต่ที่อร่อยเทพสุดคือลูกชิ้นปลาหมึก อันที่เป็นลูกชิ้นทอด ชามนี้$35


ส่วนแม่สั่งจานนี้มา เส้นหมี่ผัดซอสXOกุ้งเบิ้ม พริกที่ใส่ถ้วยเล็กๆคล้ายพริกที่จิ้มไก่แช่เหล้าตามร้านอาหารจีน จานนี้อร่อยสุดๆ ชอบที่สุด แย่งแม่กินเยอะมาก กุ้งก็กรอบเด้ง เส้นหมี่ก็หอมซอส รสชาติดี๊ดี 
จานนี้แพงหน่อย $51 (ไม่หน่อยเท่าไหร่ 555)


มื้อนี้กิน 3อย่าง $117 ถือว่าโอเคเลย รสชาติดี บรรยากาศดี สมใจละ ชาชานเต็ง

จริงๆที่ประทับใจอีกอย่างจากร้านนี้เป็นพนักงานเก็บจาน ระหว่างที่นั่งกินเธอผู้นี้ก็จะเข็นรถเข็นวนในร้านไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เข็นผ่านมาที่โต๊ะเราก็จะยื่นมือมาเพื่อขอจาน รอบแรกก็รู้สึกแย่นิดหน่อย ยังเพิ่งเริ่มกินไม่มีจานเปล่าจะมาขอเก็บทำไมนักหนา แต่พอเห็นหน้ายิ้มแฉ่งดูมีความสุขในการทำงานของเธอก็รู้สึกดี โมโหไม่ลง กินหมดก็รีบให้เธอเก็บทันที พอเธอได้เก็บจานหน้าเธอก็ยิ่งยิ้มมีความสุขกว่าเดิม น่ารักดี:)
ผู้หญิงคนนี้แหละที่ทำงานอย่างมีความสุข
อิ่มแล้ว แวะไปเก็บของที่ห้องนิดหน่อย เจอร้านเบเกอรี่ใต้ตึกร้านนึง คนรอคิวเยอะมากกกกกกกก เข้าไปดูปรากฎว่าเป็นร้านขายคุ้กกี้ แถวยาวไปถึงข้างนอก อยากชิมเหมือนกันนะ แต่รอคิวไม่ไหว >_<



ออกเดินทางไปยังจุดหมายแรกของเราวันนี้ดีกว่า สายมากแล้ว วิธีเดินทางไปRepulse Bay ที่จริงแค่ขึ้นMTR แป๊บเดียวก็ถึงฝั่งฮ่องกงแล้ว แต่วันนี้เราจะนั่งเฟอรี่ข้ามฟากไปกัน ชมวิวไปด้วย จากที่พักสามารถเดินไปยังท่าเรือStar Ferryได้ แม้จะไกลนิ้ดนึง แถวท่าเรืออากาศดีมาก ลมแรง เสียดายมีหมอกเยอะไปหน่อย ใช้เวลาประมาณ 10นาทีก็ถึง ค่าเรือแค่ $2.5


ถึงแล้ว Central Pier
ออกจากท่าเรือ ข้ามสะพานไป เดินต่อไปเรื่อยๆถึงตึกExchange Square ตรงใต้ตึกมีท่ารถเมล์หลายสาย เลือกขึ้นได้ทั้งสาย 6, 6A, 6X, 66 และ 260 ไป Repulse Bayได้หมด รถเมล์เป็นรถสองชั้นเลยขึ้นไปนั่งชมวิวชั้นสอง
วิวจากเมล์ชั้นสอง


ใช้เวลาประมาณครึ่งชม.ก็มาถึงแถวทะเล จุดสังเกตป้ายลงรถอยู่ที่ตึกมีรูแห่งนี้ เค้าว่ากันว่าที่ตึกเป็นรูแบบนี้ เป็นเพราะแก้ตามหลักฮวงจุ้ย สมัยก่อนตึกนี้ก็สร้างปกติไม่มีรู แต่ทำการค้าไม่ขึ้น ซินแสเลยทักว่าเพราะไปสร้างตึกบังมังกรลงไปเล่นน้ำที่หาด เจ้าของเลยทำตึกเป็นรูอย่างที่เห็นเพื่อเปิดทางให้ หลังจากนั้นการค้าก็เจริญรุ่งเรือง
ตึกมีรู
ลงจากรถ เดินไปไม่ไกลก็เห็นหาดทรายกว้างสะอาดตา ทะเลที่นี่คลื่นเบามาก แม้ว่าลมจะพัดแรง วันที่ไปเป็นวันธรรมดาคนก็เลยน้อย มีทัวร์จีนมาลงเป็นระยะๆ แต่อากาศประมาณ16องศาค่อนข้างเย็นเลยไม่ค่อยมีใครเล่นน้ำ ส่วนใหญ่จะถ่ายรูปอย่างเดียว


เราเดินต่อไปวัดเจ้าแม่กวนอิมกัน ใช้เวลาเดินเลียบหาดไปซัก10นาทีก็ถึง


สะพานต่ออายุ
ว่ากันว่าข้ามสะพานนี้ครั้งนึงอายุจะยืนอีก3ปี แต่มีข้อแม้ว่าห้ามหันหลังกลับหรือเดินย้อนทางเก่า ถ้าอยากข้ามใหม่ต้องมาอ้อมใต้สะพาน 
มาเสียเวลาโยนเหรียญเข้าปากปลาสีเหลืองตัวนี้นี่แหละ หลายรอบไม่สำเร็จ เหมือนที่จริงแล้วปากตื้นมาก เข้าปากละก็เด้งออกมาทุกที ความเชื่อใครนะเนี่ย ทำตามกันใหญ่

ออกจากวัด เราจะไปStanley Marketกันต่อ เดินกลับไปขึ้นป้ายรถเมล์เดิมที่ลงมา นั่งต่อไปไม่ไกลรถเมล์วนเข้าไปจอดตรงหน้าพลาซ่า ทีแรกก็งงว่าแล้วmarketอยู่ไหน มองซ้ายมองขวาหาไม่เจอ พอถามคนแถวนั้นได้ความว่าต้องเดินลงไปด้านล่างพลาซ่า ตลาดอยู่ใกล้ๆลานกว้างด้านล่างนี่เอง แต่จริงๆแล้วถ้าลงป้าย Stanley villege น่าจะถึงตรงตลาดพอดี กลัวนั่งเลยก็เลยรีบลงเร็วไปหน่อย

แถวตลาดมีร้านอาหารฝรั่งเรียงรายเป็นทาง ด้านในตลาดขายพวกของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ เจอร้านนึงขายเสื้อขนเป็ดค่อนข้างถูก แต่ขี้เกียจแบกเลยไม่ได้ซื้อ เดินเล่นไม่นานก็กลับเพราะไม่ค่อยมีไรน่าซื้อ มาเดินเล่นเฉยๆ ดูตลาดสวยๆ
ร้านอาหารเก๋ๆ
ภารกิจต่อไป อยากไปขึ้นรถแทรมที่Causeway Bay แต่ไม่รู้ต้องขึ้นเมล์สายไหนไปยังไง ดูในไกด์บุ้คว่าสายไหนผ่านแถวนั้นบ้างก็เห็นว่ามีสายนี้จอดพอดี พอเข้าไปถามว่าไปCauseway Bayมั้ย คนขับบอกว่าไม่ไปแล้วก็ชี้ไปที่อีกสายนึงข้างๆ แต่พอถามคนขับคันนั้นก็บอกไม่ไป อ้าว!งงละซิ เห็นมีคนฮ่องกงยืนรอรถอยู่เลยขอให้เค้าช่วย เค้าก็มีน้ำใจช่วยดูให้ว่าน่าจะนั่งรถไร แต่เค้าก็ไม่แน่ใจ เอิ่มม..สงสัยเส้นทางที่เราแพลนมันจะยากไป ไม่ค่อยมีใครไปกัน >_<
สุดท้ายเค้าก็แนะนำว่าให้ขึ้นสายนี้ไป แต่มันจะไปลงแค่ใกล้ๆต้องเดินต่ออีกหน่อย ก็ยังโอนะ ไปละกัน
จริงๆเย็นนี้จะไปขึ้นPeak Tramที่อยู่ใกล้ๆสถานีcentral ถ้าไปcentralก็มีรถเมล์ตรงไปเลย ไกด์บุ้คก็มีบอกไปง่ายๆๆ แต่เพื่อภารกิจที่ว่าอยากขึ้นรถแทรมเลยต้องขอลงแถวนั้น จะได้นั่งแทรมไปcentralอีกที ให้ชีวิตมันลำบาก 555

ขึ้นรถจากStanley Marketมาถึงแถว Causeway ไกลพอสมควร อารมณ์แบบลงมาจากเขา โค้งไปโค้งมา ลงป้ายไหนก็ไม่รู้ เดาๆเอา โชคดี!!ครั้งนี้ลงถูกที่แฮะ
เริ่มเห็นรถรางในเมือง
หิวข้าวมากเลย เสียเวลานู่นนี่ สามโมงละยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย แต่หาร้านถูกใจไม่ได้ เดินไปเรื่อยๆ ไปจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างโซโก้ 555

เมื่อท้องเริ่มมีแรง ก็นำพาขาออกเดินต่อได้ ออกมาแถวตลาดใกล้ห้างเจอร้านพวกนี้ ขอซื้อวาฟเฟิลฮ่องกงกับเครื่องดื่มผลไม้เย็นๆกินเล่นซะหน่อย
แถว Causeway bayน่าเดินดี
ตบท้ายหลังอาหารมื้อเย็น
และแล้วในที่สุด ได้ขึ้นรถแทรมสมใจซะที ดูก็ไม่เป็นนะว่าสายไหนไปไหน อีกอย่างคันนี้สีไรนี่มันดูทีีไหนใครรู้ช่วยบอกหน่อย ดูที่สีรถก็ไม่ใช่เพราะรถมันแต่งตามใจ

ขึ้นแล้วรีบไปนั่งชั้นสองกะจะนั่งชิวกินลมชมวิว แต่ปรากฎว่าไฟแดงเยอะ รถก็ติดๆ สรุปช้ามากก ถ้าไม่ค่อยมีเวลาแนะนำให้ขึ้นMTRดีกว่านะ ป่านนี้ไปถึงไหนๆแล้ว ชิวไม่ถูกเวลาจริงๆ ตลอดดด

จากแผนที่คาดว่าต้องลงแถวๆBank of China เห็นตึกปุ๊บก็ลง ลงมั่วมาก (อีกละ) พอลงแล้วก็เดินๆๆขึ้นเนินไปเรื่อยๆๆ ไกลพอสมควรหรืออาจเป็นเพราะเนิน เหนื่อยย
เดินดึ๊บๆขึ้นเนินไปเรื่อยๆ

เจอป้ายน่ารักๆระหว่างทาง สถานที่จดทะเบียนสมรส :)
ถึงแล้วจุดหมายปลายทาง
ทีแรกแพลนว่าจะได้นั่งPeak tram ตอนสี่โมง แต่ชิวนู่นนี่นั่น แถมวันนี้คนต่อคิวขึ้นเยอะมากก ซื้อตั๋วแล้วรอประมาณสามขบวนกว่าจะได้ขึ้น พระอาทิตย์ตกหมดและ >_<"

คนรอคิว
ไม่มีที่นั่งสำหรับเรา ยืนพิงหลังสุด T_T
รถรางขึ้นเอียง 45° ทำให้มองภาพต่างๆเอียงไปหมด
ถึงซักที! ด้านบนลมแรงและหนาวมาก ออกไปถ่ายรูปแบบสั่นๆและก็ได้รูปสวยๆกลับบ้าน :)
ขากลับเห็นว่าคนเยอะมาก เลยตัดสินใจขึ้นรถเมล์กลับแทน ที่จริงตอนซื้อตั๋วขึ้นมาก็ซื้อแบบงงๆ มันมีตั๋วหลายแบบให้เลือก เช่น ซื้อแพ็คเกจเข้ามาดาม ทุสโซด้วย หรือซื้อตั๋วSky pass ขึ้นไปชมวิวที่ Sky terrace หรือเลือกซื้อแค่ตั๋วไป-กลับหรือเที่ยวเดียว แต่เอาเข้าจริงต่อๆแถวไป ยื่นบัตรOctopus แล้วก็แค่บอกว่า ผู้ใหญ่3คน เลยเดาว่าเค้าคงคิดราคาไป-กลับ (จำเงินที่เหลือในบัตรไม่ได้เลยไม่แน่ใจ) ถ้าคิดไป-กลับก็จ่ายไปฟรีละน้าา เสียค่าโง่ตลอด...

ขึ้นรถเมล์สาย15 กลับมาที่สถานี Central อีกครั้ง
ย่านชอปปิ้ง ร้านหรูๆเพียบ
บันไดเลื่อนที่ยาวเกือบโล บันไดนี้จะผ่านย่านต่างๆ อยากไปย่านไหนก็ลงได้มีป้ายบอกทางตลอด
ตั้งใจว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ร้าน Yat Lok เป็นร้านห่างย่างที่มิชลินแนะนำ รู้แต่ชื่อถนน ลองเดินๆดูไม่เจอแฮะ อาจจะปิดไปแล้วเพราะตอนนั้นก็ทุ่มกว่าแล้ว ช่างมัน เริ่มมองเป้าหมายใหม่ดีกว่า มีหลายร้านน่ากินมากย่านนี้ ดงอาหารชัดๆ แต่มาสะดุดที่ตรอกนี้ คนนั่งกินเยอะมาก เหมือนเป็นอาหารตามสั่ง น่ากิน มีปัญหาอย่างเดียวคือน่าจะสั่งไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยความอยากและหิว กินก็กิน!! คนมารอคิวเรื่อยๆ พวกเราเลยต้องอาศัยความไว โต๊ะไหนว่างต้องรีบไม่งั้นไม่ได้กินแน่ แล้วก็ได้นั่งร่วมโต๊ะกับป้าสองคน...เอาล่ะ สั่งอาหารดีกว่า แต่เมนูก็ดันอ่านไม่ค่อยเข้าใจ ผักตามฤดูกาลนี่มันผักอะไรล่ะ สั่งมั่วมากๆ เห็นปลาน่ากินก็บอกเค้าเอาปลา ให้เค้าแนะนำ น่าจะกินได้หมดทุกอย่าง ได้ไรมาก็กินตามนั้นง่ายดี

ด้วยความที่ไม่รู้ว่าสั่งเมนูอะไรไปบ้าง รู้แค่ว่าสั่งปลาหมึกผัดผัก ปลานึ่ง เนื้อผัดผัก นั่งไปซักพักเค้าก็ถือปลาหมึกผัดผักมาที่โต๊ะ แล้วถามว่าใช่รึป่าว เราก็คิดว่าของเรานะก็เลยรับมา แต่หลังจากจานนี้ก็หายไปนานเลย ป้าสองคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันยังไม่ได้อาหารไรเลยก็มองมาที่เราแล้วนินทาๆๆๆ (ฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะ) ซักพักเค้าก็มาเสิร์ฟปลาหมึกผัดที่หน้าตาเหมือนที่เรารับมากินตั้งแต่แรกเป๊ะ! งานนี้เดาไม่ยาก สงสัยที่รับมาทีแรกเป็นของพวกป้าแหงเลย อย่าว่าคนต่างชาติไม่รู้ประสีประสาเลยนะ แหะๆๆ ทีแรกก็สงสัยว่าทำไมได้เร็วจัง 555 ที่จริงตั้งแต่เริ่มนั่งกินร้านนี้ก็ทำไรไม่ถูกซักอย่าง โดนคนขายบ่นๆๆด้วย แต่ฟังไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่าเป็นประสบการณ์ขำๆ แต่ขอบอกว่าร้านนี้อาหารอร่อยมากๆๆนะ ไม่แพงด้วย วันหลังอาจกลับมาให้ด่าอีกนะ :)
(ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารมาเลย เพราะค่อนข้างมืดและไม่กล้าขยับอะไรมาก แค่นี้ก็โดนด่าจะแย่อยู่แล้ว)

ขากลับแวะซุปเปอร์ wellcome (เหมือนฝั่งเกาลูนจะไม่มี) เจอเชอรี่ถูกมาก เลยซื้อติดไม้ติดมือไปกิน


เจ้าหมี Kumamon จากญี่ปุ่นก็มาอยู่ที่นี่ด้วยแฮะ
วันนี้ออกแต่เช้า เดินเยอะมาก ขาลากกกกก ต้องรีบกลับไปชาร์ตแบตก่อน เพราะพรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปมาเก๊ากันต่อ

 



 

No comments:

Post a Comment